koy

koy

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวเมืองยะลา

เที่ยวทั่วไทย เที่ยวยะลา

จังหวัด ยะลายะลา มาจากภาษาพื้นเมืองเดิมว่า "ยะลอ" แปลว่า แห เพระสถานที่ตั้งเมืองเดิมคือ บ้านยะลอ มีภูเขารูปร่างคล้ายแห ตั้งอยู่บริเวณนั้นเป็นที่ลุ่ม ได้มีการย้ายที่ตั้งเมืองใหม่หลายครั้ง ในที่สุดมาอยู่ที่เมืองนิบง (นิบง แปลว่า ไม้หลาวชะโอน) จนถึงปัจจุบัน
ยะลา เป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ถึง 1,084 กม. มีอำเภอเบตงเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของ ประเทศไทยติดกับสหพันธรัฐมาเลเซีย และติดต่อกับ จังหวัดปัตตานีและนราธิวาสทางด้านทิศเหนือ ยะลาเป็น เมืองใหญ่ ตัวเมืองโอ่อ่า วางผังเมืองไว้อย่างดีเยี่ยม ถนนหน ทางกว้างขวาง มีสถานที่น่าเที่ยวชมมากมายทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม ยะลามีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา จึงมีฝนตกชุกมากถึงปี ละประมาณ 9 เดือน มีแม่น้ำที่สำคัญคือ แม่น้ำปัตตานีซึ่งเป็นต้นน้ำเกิดจากป่าเขาในจังหวัดยะลา มีเนื้อที่ 4,521 ตรกม.
จังหวัดยะลา แต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเมืองขึ้นอยู่กับราชอาณาจักรไทยครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีในปี พ.ศ.2310 หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าแล้ว บรรดาหัวเมืองต่างๆ ในบริเวณแถบนี้ต่างก็ประกาศตัวเป็นอิสระ คร้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับสั่งให้กรมพระราชวังบวรสุรสีหนาท เสด็จยกทัพหลวงไปปราบ และตีเมืองปัตตานี ในปี พ.ศ 2332 เมืองยะลาก็ยังเป็นท้องที่ในเมืองปัตตานี
ในปี พ.ศ.2351 จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แยกหัวเมืองปัตตานีเป็น 7 หัวเมือง คือ เมืองปัตตานี เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก เมืองยะหริ่ง เมืองระแงะ เมืองรามัน และเมืองยะลา สำหรับเมืองยะลานั้นมีต่วนยาลอเป็นพระยาลอ และได้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าเมืองกันมาหลายครั้ง จังหวัดยะลาจึงเป็นจังหวัดๆหนึ่งของประเทศไทย ก่อนที่จะมีการประกาศยุบเลิกมณฑล ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยระเบียบแห่งราชอาณาจักรสยามในปี พ.ศ.2476
   อาณาเขตและการปกครอง
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อจังหวัดสงขลา และปัตตานี
ทิศใต้ ติดต่อประเทศมาเลเซีย
ทิศตะวันออก ติดต่อจังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันตก ติดต่อจังหวัดสงขลา
การปกครอง
แบ่งการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอธารโต กิ่งอำเภอกาบัง และกิ่งอำเภอกรงปีนัง
   การเดินทางไปจังหวัด ยะลา
1. เดินทางโดยรถยนต์ยะลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ตามถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ผ่านชุมพร-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช- สงขลา-ปัตตานี-ยะลา รวมระยะทาง 1,084 กม.
2. เดินทางโดยรถไฟ
การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถ กรุงเทพฯ - ยะลา ทุกวัน ทั้งรถด่วนและรถเร็ว รายละเอียด ติดต่อสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง โทร. 02-223-7010 , 02-223-7020
3. เดินทางโดยเครื่องบิน
บริษัท การบินไทย มีบริการเครื่องบินระหว่าง กรุงเทพฯ - ปัตตานี จากนั้นต้องไปต่อรถโดยสารปัตตานี-ยะลา ระยะทาง 35 กม. หรือใช้เครื่องบินระหว่างกรุงเทพฯ - หาดใหญ่ ยะลาอยู่ห่างจากหาดใหญ่ 132 กม. (ตามทางรถยนต์) จากหาดใหญ่-ยะลา สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง รถแท็กซี่ (ไม่ปรับอากาศ) และรถตู้ปรับอากาศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่
4. เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางติดต่อได้ที่ บริษัทขนส่ง จำกัด สถานีเดินรถภาคใต้ เปิดบริการเดินรถกรุงเทพฯ - ยะลา ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว เวลา 18.30 น. (รถธรรมดา) และ 18.00 น. (รถปรับอากาศ) รายละเอียดติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 02-435-1200 , 02-434-7192.


เทศกาล งานประเพณี จ.ยะลางานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซี่ยน เนื่องจากประชาชนในจังหวัดยะลานิยมเลี้ยงนกเขาชวาเสียงเพราะเชื่อว่าเป็น สัตว์มงคลที่จะนำโชคลาภมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ โดยเฉพาะนกเขาที่มี ลักษณะถูกต้องตามตำรา ด้วยเหตุนี้ทางเทศบาลเมืองยะลาร่วมกับชมรมผู้ เลี้ยงนกเขาชวา จึงจัดให้มีการแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์อาเซี่ยนครั้งที่ 1 ขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2529 ต่อมาได้จัดเป็นงานประจำปีของจังหวัด ยะลา ณ สวนขวัญเมือง โดยกำหนดจัดงานในวันเสาร์และวันอาทิตย์แรกของ เดือนมีนาคม ในงานจะมีขบวนแห่โดยกลุ่มผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียงของ ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และชมรมผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียง ของทุกจังหวัดในประเทศไทย เดินทางมาร่วมการแข่งขัน และมีการ จำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้ในการเลี้ยงนกเขาชวา
งานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมืองยะลา จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม บริเวณเทศบาลเมืองยะลา ในงานมีขบวนแห่ศาล เจ้าพ่อหลักเมืองจำลอง การออกร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของส่วน ราชการ นิทรรศการและมหรสพการแสดงพื้นบ้าน เช่น มโนราห์ หนังตะลุง และลิเกฮูลู
เทศกาลฟื้นฟูประเพณีของดีเมืองยะลา กำหนดจัดขึ้นในเสาร์และอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคม บริเวณเทศบาลเมือง ยะลา มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่ม คนจีน ไทยพุทธ และไทยมุสลิม การประกวดรำซีละ ประกวดสตรีแต่งกาย ชุดบานง ประกวดศรีบุหงาศิริ ประกวดรำรองเง็ง ประกวดขับร้องเพลงอัน นาซีตภาษามลายูและภาษาไทย อีกทั้งยังมีนิทรรศการของดีเมืองยะลา เช่น กล้วยหิน ไม้เหลาชะโอน กบภูเขา และปลามังกร
   สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก
-หมี่เบตง และไก่เบตง ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยะลา โดยเฉพาะที่อำเภอเบตง
-กล้วยหิน ใช้ประกอบเป็นอาหารคาวหวานได้
-กรงนกเขา มีการประดิษฐ์เป็นรูปต่างๆ อย่างมีศิลปะ และประณีตงดงามมาก
-ปลามังกร พบได้ที่บึงน้ำใส ต.ตะโละหอลอ อ.รามัน ซึ่งเป็นแหล่ง กำเนิดปลามังกรแหล่งใหญ่แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นเมืองที่สำคัญ ได้แก่ ส้มโชกุน ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก ผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา และผลิตภัณฑ์จากไม้หินอ่อน.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอเบตง จ.ยะลาเมืองเบตง เป็นอำเภอชายแดนใต้สุดของประเทศไทย อยู่ห่างจากยะลา 115 กม. เบตงเป็นเมืองใหญ่ มีความเจริญ ทัดเทียมกับจังหวัดยะลาเลยทีเดียว มีอาคารร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมมากมาย มีถนนเชื่อมสู่เขตสหพันธรัฐ มาเลเซียตรงด่านเบตงซึ่งอยู่ใต้สุดของเขตแดนไทย ตัวเมืองตั้งอยู่ในเขตที่โอบล้อมด้วยทิวเขาสูงอากาศเย็นสบาย สามารถปลูกดอกไม้ได้ทั้งปี "จนได้ชื่อว่าเมืองในหมอก ดอกไม้งาม" มีนกนางแอ่นเป็นสัญญลักษณ์ของเมือง ช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม จะมีนกนางแอ่นมาพักอาศัยในเมืองนี้นับหมื่นตัว
บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน้ำพุเดือดขึ้นมาจากพื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ ห่างจากตัวเมืองยะลาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ประมาณ 135 กม. ตรงจุดบริเวณน้ำเดือดสามารถต้มไข่สุกภายใน 7 นาที และเชื่อกันว่าน้ำแร่นี้สามารถรักษาโรคผิวหนังได้
น้ำตกอินทศร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีแอ่งน้ำสำหรับลงเล่นน้ำท่ามกลางป่าเขียวขจีโดยรอบ อยู่ถัดจากบ่อน้ำร้อนเบตงไปทางหมู่บ้าน ปิยะมิตร 1 ประมาณ 2 กม.
ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเบตง บนถนนสุขยางค์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2467 โดย คุณสงวน จิระจินดา อดีตนายไปรษณีย์ โทรเลขอำเภอเบตง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอเบตงในเรื่องการติดต่อสื่อสาร ตู้ไปรษณีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปกลมทรงกระบอก แยกได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนฐานและส่วนตัวตู้ ส่วนสูงของตัวตู้คือ 290 เซนติเมตร หากนับจาก ฐานขึ้นไปรวมความสูงของตู้ด้วยวัดได้ 320 เซนติเมตร ปัจจุบันตู้ไปรษณีย์ใบนี้ก็ยังคงใช้งานอยู่
ไก่เบตง-ปลาเบตง ไก่เบตง ชาวบ้านเรียก่า "ไก่กวางใส" เป็นไก่พันธุ์เนื้อมีรสอร่อยมาก มีผู้นำไก่พันธุ์เบตงไปเลี้ยงที่ท้องถิ่นอื่นแต่มิอาจที่จะนำไปเลี้ยงได้ เพราะสภาพอากาศไม่เหมือนที่เบตง ไก่จะไม่เติบโตและอาหารที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดของเบตงอีกอย่างหนึ่งคือ ปลาเบตง ซึ่งภาษาจีนเรียกว่า "เฉาฮื้อ หลีฮื้อ" เนื้อปลามีรสมัน เนื้อละเอียดชวนรับประทานมาก
นกนางแอ่นเบตง เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองเบตง คือเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงคือระยะที่ต้นยางพาราผลัดใบ (ประมาณเดือนกันยายน-มีนาคม) ในยามเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะลับของฟ้าไป เมืองเบตงจะดำทะมึนไปด้วยนกนางแอ่น พวกมันจะบินมาจากป่าดงอย่างมืดฟ้ามัวดิน นกนางแอ่นนับหมื่นนับแสนจะเกาะนอนอยู่บนสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ เบียดตัวกันแน่นขนัด ซึ่งถ้าหากไปเบตงตอนกลางวัน จะไม่ได้เห็นนกนางแอ่นหลงเหลืออยู่เลย.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอธารโต จ.ยะลาวนอุทยานน้ำตกธารโต อยู่บนเส้นทางสายยะลา-เบตง ห่างจากยะลา 57 กม. มีทางแยก อีก 2 กม. เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบางลาง สภาพ ภูมิประเทศแถบนี้เป็นป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ล้อมรอบด้วยภูเขาใหญ่ น้ำตกไหลพลิ้วลงมาจากยอดเขาสูงเป็นชั้น ๆ ถึง 7 ชั้น
น้ำตกละอองรุ้ง ห่างจากยะลาประมาณ 90-100 กม. ตามถนนสายยะลา-เบตง ก่อนถึงเบตงประมาณ 40 กม. จะพบถนนแยกเข้าน้ำตก ประมาณ 100 ม. มีสายน้ำตกยามต้องแสงอาทิตย์เกิดเป็นสี รุ้งแลดูสวยงาม บริเวณน้ำตกจะร่มรื่นตลอดทั้งวัน
หมู่บ้านซาไก อยู่ที่หมู่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากยะลาไปทางเบตง ประมาณ 80 กม. มีทางแยกบริเวณ กม.ที่ 67-68 ไปอีก 4 กม. จะพบที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมือง ที่เรานิยมเรียกว่า "เงาะ" หรือ "เงาะซาไก" บ้านเรือของซาไกสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก มีอาชีพในการทำไร่และหาของป่า เมื่อปี พ.ศ. 2516 กรมประชาสงเคราะห์ได้รวบรวมเงาะ ป่าซาไก ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในเขตอำเภอเบตงและอำเภอบันนังสตา จำนวน 21 ครอบครัว 52 คน ให้มาอยู่ ณ ที่นี้ โดยสร้างบ้านให้ อยู่อาศัย และจัดสรรที่ดินพร้อมยางพาราพันธุ์ดีให้จำนวน 300 ไร่ และได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ขอใช้ คำว่า ศรีธารโต ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล
   สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอรามัน จ.ยะลา
บึงน้ำใส เป็นแหล่งกำเนิดปลามังกร ตั้งอยู่ที่อำเภอรามัน ห่างจากตัวเมืองยะลาราว 26 กม. ผ่านอำเภอรามันไปทางอำเภอ รือเสาะประมาณ 8 กม. เลี้ยวซ้ายจากถนนใหญ่เช้าสู่บ้านบึงน้ำใส หมู่ที่ 5 ตำบลตะโละหะลอ อำเภอรามัน ปลา ชนิดนี้พบมากในแถบอินโดจีน มาเลเซียและประเทศไทยตอนล่าง เชื่อกันว่าถ้าใครเลี้ยงปลามังกรจะมีโชคลาภ ราคา ซื้อขายจึงค่อนข้างสูง.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอยะหา จ.ยะลาศาลาดูดวงจันทร์ ตั้งอยู่บนเนินเขายุพร หลังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตำบล ยะหา อำเภอ ยะหา ในแต่ละปีจะมีชาวมุสลิมจากจังหวัดต่างๆเดินทางขึ้นไปบนเนินเขา เพื่อเป็นสักขีพยานในการดูดวงจันทร์ เพราะทางทิศตะวันตกของเนินเขาเป็นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งใดขวาง ทำให้สามารถเห็นการเคลื่อนคล้อยของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวลับสายตาไป
   สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา
เขื่อนบางลาง
อยู่ตำบล บางเจาะ ห่างจากจังหวัดยะลาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ประมาณ 50 กม. แล้วแยกเข้าไปตามถนนลาดยางของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตอีกประมาณ 12 กม. เขื่อนบางลางเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกของภาคใต้   สร้างกั้นแม่น้ำตาปีที่บ้านบางลาง ตัวเขื่อนเป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ลบ.ม. บริเวณเหนือเขื่อนมีศาลาชมวิว มองเห็นทัศนียภาพ งดงาม แต่ทางขึ้นค่อนข้างสูงชัน เขื่อนบางลางมีบ้านพักรับรองหลายแบบ นอกจากนั้นที่เขื่อนยังมีบริการล่องแพชมทิวทัศน์เหนือเขื่อน ใช้เวลาล่องประมาณ 4 ชม. ติดต่อได้ที่เดียวกับที่พักในเขื่อน
ถ้ำกระแชง ตั้งอยู่ ตำบลบันนังสตา ห่างจากจังหวัดยะลา ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ประมาณ 52 กม. แล้วแยกเข้าไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ประมาณ 52 กม. แล้วแยกเข้าไปตามทางลูกรังอีกประมาณ 3 กม. เป็นถ้ำที่สวยงามตามธรรมชาติ เพดานของถ้ำมีหินย้อยมากมาย ถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงกับถ้ำกระแชงอีก 3 ถ้ำ ได้แก่ ถ้ำลูกอม ถ้ำน้ำลอด และถ้ำพระ ลักษณะเด่นของถ้ำกระแชง คือ มีลำธารไหลผ่านลอดถ้ำปากถ้ำเป็นโพรงขนาดใหญ่มองออกไปภายนอกเห็นป่าไม้ร่มรื่น และทิวทัศน์งดงาม
น้ำตกกือลอง (น้ำตกสุขทาลัย) อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้บนเขาปกโย๊ะ เขานี้เป็นที่ตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณ ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 40 กม. ตามเส้นทางสายยะลา-เบตง แยกซ้ายเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 8 กม. น้ำตกนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 2507 ประกอบด้วยน้ำตก 5 ชั้น สมเด็จย่าทรงประทานนามน้ำตกแห่งนี้ว่า "น้ำตกสุขทาลัย" มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำและมีศาลาไว้สำหรับพักรับประทานอาหารได้
ถ้ำทะลุ อยู่ตำบล ถ้ำทะลุ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางตามเส้นทางหลวงสายยะลา-บันนังสตา-เบตง จุดเด่นคือถ้ำหินปูน ซึ่งทะลุลอดไปอีกด้านหนึ่งของภูเขาที่มีศาลประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม อันเป็นเคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งจัดให้มีเทศกาลกินเจขึ้นที่บริเวณศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวและผู้นับถือ ศรัทธาเจ้าแม่กวนอิม เดินทางมาร่วมสักการะและกินเจมากกว่าในช่วงอื่นๆของปี.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอเมือง จ.ยะลา (2)พระพุทธไสยาสน์วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าถ้ำ เดินทางไปตามเส้นทาง ยะลา-หาดใหญ่ประมาณ 4 กม. ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดหน้าถ้ำ เพราะภายในวัดมีถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์โบราณขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่า สร้างมาแต่ปี พ.ศ. 1300 สมัยศรีวิชัย มีความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว เชื่อกันว่าเดิมเป็นปางนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพราะมีภาพ นาคแผ่พังพานปกพระเศียร ต่อมาจึงได้ดัดแปลงเป็นพระ พุทธไสยาสน์แบบหินยาน ชาวใต้ถือกันว่าเป็นปูชนียสถานที่ สำคัญ 1 ใน 3 ของภาคใต้ เช่นเดียวกับพระบรมธาตุเมือง นครศรีธรรมราช และพระธาตุไชยาที่สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปลักษณะต่างๆ เช่น ม่าน เศียรช้างเอราวัณ และมีน้ำไหลจากโขดหินธรรมชาติ ภายในถ้ำมีการติดตั้งไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวที่จะชมถ้ำมืดแห่งนี้ด้วย
ถ้ำคนโท อยู่ห่างจากตัวเมืองยะละประมาณ 6 กม.บนถนนสายยะลา-ยะหา หรือถึงก่อนวัดคูหาภิมุข 1 กม. มีรถประจำทางจากตัวเมืองผ่านทุกครึ่งชั่วโมง เมื่อลงจากรถแล้วเดินเข้าไปตามถนนเล็กๆ ประมาณ 50 เมตร ผ่านป่าละเมาะไปยังทิวเขากำปั่นอันเป็นที่ตั้งของถ้ำสำเภาทอง และถ้ำคนโท เมื่อผ่านถ้ำสำเภาทองแล้วเดินเลียบเชิงเขาไปอีก 15 นาที จะถึงถ้ำคนโทซึ่งเป็นถ้ำที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในภูเขากำปั่น เป็นภูเขาหินอ่อน ภายในถ้ำมีหินงอกสูงประมาณ 120 เมตร มีลักษณะคล้ายผู้หญิงนั่งสมาธิใครๆเรียกเธอว่า "แม่นางมณโฑ" ซึ่งเพี้ยนมาจากชื่อถ้ำนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่ขุดพบพระพิมพ์เก่าแก่มากมาย โดยเฉพาะพระพิมพ์อวโลกิเตศวรแบบศรีวิชัย ซึ่งเป็นพระพิมพ์ที่มีลักษณะดีและเนื้อสวยที่สุดในบรรดาที่ขุดพบได้ทั้งหมด
ถ้ำศิลป์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.หน้าถ้ำไม่ไกลจากวัดคูหาภิมุข การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับวัดคูหาภิมุข แต่ต้องเดินทางต่อไปอีก 2 กม. เป็นถนนลาดยางจนถึงเชิงเขา มีบันไดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปยังปากถ้ำได้โดยสะดวก (ปากถ้ำสูงจากเชิงเขา สูง 28 เมตร) จุดเด่นของถ้ำศิลป์อยู่ที่ภายในถ้ำมีจตรกรรมฝาผนัง ทั้งสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นภาพคนล่าสัตว์ เขียนด้วยสีดำและจิตรกรรมสมัยประวัติศาสตร์เป็นภาพพระพุทธประวัติ ตอนธิดาพระยามารยั่วยวนพระพุทธเจ้า ภาพนี้มีขนาดยาว 8 เมตร สูง 5 เมตร แต่สภาพของจิตรกรรมค่อนข้างลบเลือน จิตรกรรมนี้ได้รับการยกย่องว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นงานศิลปกรรมสมัยศรีวิชัยชิ้นเดียวที่เป็นภาพจิตรกรรม การเข้าชมแจ้งความจำนงต่อครุใหญ่โรงเรียนบ้านบันนังลูวาที่อยู่ใกล้ถ้ำ ซึ่งเป็นผู้เก็บรักษากุญแจประตูถ้ำ
มัสยิดกลางจังหวัดยะลา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2527 รูปทรงงดงาม เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สอดแทรกเส้นกรอบทรงสุเหร่าไว้ได้อย่างกลมกลืน ด้านหน้าเป็นบันไดกว้างสูงประมาณ 30 ชั้น ทอดสู่ลานชั้นบน หลังคาทรงสี่เหลี่ยมมีโดมใหญ่อยู่กลาง.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตอำเภอเมือง จ.ยะลา (1)ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวยะลา ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยอดเสาหลักเมืองให้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2505 ภายในศาลประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งสร้างด้วยแก่นไม้ชัยพฤกษ์สูง 50 ซม. วัดโดยรอบฐาน 43 นิ้ว ที่ปลาย 36 นิ้ว พระเศียรยอดเสาเป็นรูปพรหมจตุรพักตร์และเปลวไฟ บริเวณโดยรอบจัด เป็นสวนสาธารณะร่มรื่นสวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีการจัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมือง ในวันที่ 25-31 พฤษภาคมของทุกปี
สวนสาธารณะสนามช้างเผือก (สนามโรงพิธีช้างเผือก) อยู่ถนนพิพิธภักดี มีพื้นที่ 80 ไร่ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีน้อมเกล้าถวายช้างเผือก "พระเศวตสุรคชาธาร" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2511 ภายในสวนสาธารณะมี ศาลากลางน้ำ รูปปั้นจำลองของสัตว์ต่างๆ หลายชนิด และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและสวนสาธารณะที่ประชาชนยะลามาพักผ่อนหย่อนใจ
สวนขวัญเมือง เป็นสวนสาธารณะกลางเมืองยะลา ห่างจากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง 300 เมตร ดัดแปลงมาจากสวนสาธารณะพรุบาโกย เป็น สนามกีฬาและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง มีโขด หินและชายหาดจำลอง มีสนามแข่งขันนกเขาชวาเสียง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้เดินทางมาเปิดสวนขวัญเมือง เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2529
น้ำตกบูเก๊ะปิโล (น้ำตกตะวันรัศมี) อยู่ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 19 กม. ตามเส้นทางยะลา-โกตาบารู เลี้ยวเข้าตำบลโกตาบารู ถึงตำบลท่าเรือประมาณ 2 กม. เลี้ยวเข้าถนนหมู่บ้านประมาณ 2 กม. จะถึงทางเข้าน้ำตกเข้าไปประมาณ 500 เมตร น้ำตกตะวันรัศมีเป็นน้ำตกที่สวยงามแตกต่างจากน้ำตกอื่นๆ เพราะเมื่อแสงแดดกระทบกับสายน้ำ จะทำให้สีของหินใต้แอ่งน้ำเป็นสีเหลืองสวยงาม.

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.thailandhub.net/images/article/Article2008-08-13232356.jpg&imgrefurl=http://www.muansuen.com/bbs/viewthread.php%3Ftid%3D1739&usg=__f7WUb09XMcMHPLD-hPYlKdNUcZ0=&h=359&w=500&sz=38&hl=th&start=4&sig2=qR4_pRGJFqidgUGaSLhI5w&zoom=1&tbnid=XS175xOYga21_M:&tbnh=93&tbnw=130&ei=yYt8TtHwGYuzrAeKnu3SDw&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%26hl%3Dth%26gbv%3D2%26tbm%3Disch&itbs=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น